เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้ง เกิดจากสาเหตุอะไร ป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร
หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อใช้งานเครื่องซักผ้าไปได้สักระยะหนึ่งคือปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้ง สังเกตได้ง่าย ๆ จากผ้าที่ซักเสร็จแล้วแต่ยังมีความเปียกชุ่มอยู่ นี่คือปัญหาที่น่าหงุดหงิดไม่น้อยและต้องเสียเวลามากขึ้นในการทำให้ผ้าแห้ง บทความนี้ชวนมาดูว่าเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งเกิดจากอะไร พร้อม 5 เคล็ดลับถนอมเครื่องซักผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น
สาเหตุของปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้ง
ปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ และมีโอกาสเกิดได้ทั้งเครื่องซักผ้าฝาบนและเครื่องซักผ้าฝาหน้า ซึ่งสาเหตุมีทั้งการเสื่อมสภาพของตัวอุปกรณ์เอง ไปจนถึงพฤติกรรมการซักผ้าที่ไม่ถูกต้อง ลองมาดูกันว่าสาเหตุเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งมีอะไรบ้าง
ใส่ผ้าในเครื่องซักผ้ามากเกินไป
ฟังดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่การใส่ผ้าในเครื่องซักผ้ามากเกินไปอาจทำให้เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งได้ เนื่องจากเครื่องต้องรับน้ำหนักผ้าที่มากเกินขีดจำกัด ทำให้บางครั้งถังซักผ้าไม่ปั่นแห้ง หรือถังปั่นแห้งหมุนช้า นอกจากนี้เครื่องซักผ้าบางรุ่นอาจตัดการทำงานไปเลยเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับมอเตอร์และตัวเครื่อง ดังนั้นผู้ซักจำเป็นต้องกะปริมาณเสื้อผ้าที่จะปั่นแห้งให้เหมาะสมและมีน้ำหนักไม่เกินที่ระบุไว้ หรืออีกหนึ่งวิธีคือแยกปั่นแห้งระหว่างเสื้อกับกางเกง ก็จะช่วยลดปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งได้
ปั๊มน้ำทิ้งชำรุดหรืออุดตัน
หากเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้ง หรือไม่ระบายน้ำทิ้ง สาเหตุที่พบเจอได้บ่อยมาจากปั๊มน้ำทิ้ง (Drain Pump) หรือ มอเตอร์น้ำทิ้ง (Drain Motor) เกิดชำรุด เสียหาย หรืออุดตัน ซึ่งตัวปั๊มน้ำทิ้งถือเป็นอะไหล่สำคัญในเครื่องซักผ้าทุกเครื่อง หากตรวจเช็กแล้วว่าอุดตัน สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดแล้วใช้งานต่อได้ แต่ถ้าเสียก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวใหม่
ติดตั้งสายน้ำทิ้งผิดวิธี
การติดตั้งสายน้ำทิ้งผิดวิธี เช่น ติดตั้งไว้สูงเกินไป จะทำให้เครื่องซักผ้าไม่สามารถระบายน้ำทิ้งออกจากเครื่องได้หมด และจะมีน้ำทิ้งไหลย้อนกลับเข้ามาในถังซัก เมื่อเครื่องตรวจพบว่ามีน้ำขังในถังซัก เครื่องซักผ้าจะไม่ปั่นแห้ง หรือหากเป็นรุ่นที่มีถังปั่นหมาดแยกออกมา ถังปั่นหมาดจะไม่หมุน ทำให้ไม่สามารถปั่นแห้งได้
สายน้ำทิ้งอุดตัน
เมื่อใช้งานเครื่องซักผ้าไปนาน ๆ มีโอกาสที่เศษผ้า, เส้นด้าย, เส้นผม, เศษสิ่งสกปรก หรือเหรียญขนาดเล็ก จะเข้าไปอุดตันที่สายน้ำทิ้ง ทำให้การระบายน้ำทิ้งติดขัดและมีโอกาสที่น้ำทิ้งจะไหลย้อนกลับมายังถังซัก ส่งผลให้เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งได้ แต่ถ้าสังเกตเห็นว่าเครื่องซักผ้าปั่นแห้งแต่น้ำไม่ออก เป็นไปได้ว่าสายน้ำทิ้งอาจจะอุดตัน ควรรีบถอดมาล้างทำความสะอาดให้เร็วที่สุด
มอเตอร์ถังปั่นเสียหาย
มอเตอร์ถังปั่นเสียหายเป็นสาเหตุของปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งแบบ 2 ถัง เนื่องจากเครื่องซักผ้าประเภทนี้จะมีถังซักกับถังปั่นแห้งแยกกัน แต่ละถังจะใช้มอเตอร์แยกชุดของใครของมัน ถ้าเจออาการเครื่องซักผ้าซักได้แต่ไม่ปั่นแห้ง เป็นไปได้ว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้
ปิดฝาเครื่องไม่สนิท
สาเหตุนี้เกิดขึ้นได้บ่อยโดยเฉพาะกับเครื่องซักผ้าฝาหน้าที่มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนปิดฝาสนิทดีแล้ว แต่ความจริงคือยังปิดไม่สนิท หากปิดฝาเครื่องซักผ้าไม่สนิท เครื่องซักผ้าจะปั่นหมาดไม่ได้ เพราะมีกลไกล็อกนิรภัยที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นหากใครเจอปัญหาเครื่องซักผ้าฝาหน้าไม่ปั่นแห้ง ลองตรวจเช็กให้แน่ใจว่าปิดฝาเครื่องสนิทแล้วหรือยัง
ใส่ผงซักฟอกมากเกินไป
การใส่ผงซักฟอกมากเกินไปมีโอกาสทำให้เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งได้ เนื่องจากเครื่องซักผ้าจะปรับการทำงานเป็นโหมดล้างน้ำเพื่อล้างผงซักฟอกออกจากผ้า หากผงซักฟอกมีมากก็จะใช้เวลาล้างนานจนอาจจะกินเวลาโปรแกรมปั่นแห้ง นอกจากนี้ การใส่ผงซักฟอกมากเกินไปยังทำให้ผงซักฟอกตกค้างบนผ้า เกิดเป็นคราบและทำให้ผ้าแห้งยากกว่าปกติด้วย ดังนั้นในการซักผ้าแต่ละครั้งควรใส่ผงซักฟอกให้พอดีกับจำนวนชิ้นของผ้าตามที่ข้างซองระบุ
เครื่องซักผ้าสกปรก
เครื่องซักผ้าที่สกปรกเป็นต้นเหตุของปัญหาหลายอย่าง รวมถึงปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งด้วย ซึ่งทั้งหมดมีสาเหตุมาจากสิ่งสกปรกที่ไปอุดตันตามจุดต่าง ๆ ภายในเครื่องซักผ้า ทำให้เครื่องซักผ้าทำงานผิดปกติ ประสิทธิภาพการซักลดลง มีสิ่งสกปรกหลุดออกมาปะปนในผ้า รวมถึงระบายน้ำทิ้งออกไม่หมดจนทำให้เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งนั่นเอง
5 เคล็ดลับถนอมเครื่องซักผ้า ป้องกันปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้ง
เมื่อรู้สาเหตุของปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งแล้ว หากต้นเหตุเป็นที่อะไหล่หรืออุปกรณ์บางตัว การซ่อมเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งด้วยตัวเองถือเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างเสี่ยง แนะนำว่าควรให้ช่างหรือผู้เชี่ยวชาญเป็นคนซ่อมจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม วิธีแก้เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ด้วยการถนอมเครื่องซักผ้าและใช้งานมันอย่างถูกวิธี ดังนี้
1. ใส่ผ้าในเครื่องซักผ้าแต่พอดี
เครื่องซักผ้าทุกเครื่องมีขีดจำกัดในการรองรับปริมาณผ้า โดยจะระบุเป็นหน่วยกิโลกรัมเอาไว้ชัดเจน การซักผ้าแต่ละครั้งจึงควรใส่ผ้าแต่พอดีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการซักและการปั่นแห้ง นอกจากนี้ยังเป็นการถนอมอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า และสามารถป้องกันปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งได้ การใส่ผ้าเยอะเกินไปทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนัก ซักไม่สะอาด ประสิทธิภาพการปั่นแห้งลดลง แถมยังส่งผลเสียต่อมอเตอร์ในระยะยาวด้วย
2. ตรวจเช็กสิ่งของในกระเป๋าเสื้อและกางเกงก่อนซัก
การใส่ผงซักฟอกมากเกินไปอาจทำให้เครื่องซักผ้าล้างผงซักฟอกออกไม่หมด เกิดการตกค้างบนเนื้อผ้าและถังซัก ทั้งยังทำให้ผ้าไม่แห้งเท่าที่ควรหลังจากปั่นแห้งเสร็จ นอกจากนี้ ผงซักฟอกส่วนเกินอาจเข้าไปอุดตันระบบระบายน้ำทิ้ง นานวันเข้าจะยิ่งสะสมและทำให้ท่อน้ำทิ้งอุดตันจนกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาเครื่องซักผ้าไม่หมุน
3. ไม่ใช้ผงซักฟอกมากจนเกินไป
การติดตั้งสายน้ำทิ้งผิดวิธี เช่น ติดตั้งไว้สูงเกินไป จะทำให้เครื่องซักผ้าไม่สามารถระบายน้ำทิ้งออกจากเครื่องได้หมด และจะมีน้ำทิ้งไหลย้อนกลับเข้ามาในถังซัก เมื่อเครื่องตรวจพบว่ามีน้ำขังในถังซัก เครื่องซักผ้าจะไม่ปั่นแห้ง หรือหากเป็นรุ่นที่มีถังปั่นหมาดแยกออกมา ถังปั่นหมาดจะไม่หมุน ทำให้ไม่สามารถปั่นแห้งได้
4. ปิดฝาเครื่องซักผ้าให้สนิททุกครั้ง
เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งฝาบน ทุกครั้งที่ซักผ้าควรปิดฝาให้สนิทเพื่อความปลอดภัยและป้องกันน้ำกระเด็น สำหรับเครื่องซักผ้าประเภทฝาหน้า ถ้าปิดฝาไม่สนิทเครื่องจะไม่ทำงานเด็ดขาด นอกจากนี้ ไม่ควรเปิดฝาเครื่องซักผ้าขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่เพราะกลไกล็อกอาจเสียหาย และอาจเกิดอันตรายได้
5. หมั่นทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำ
เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการซักผ้าและการปั่นแห้ง ควรล้างเครื่องซักผ้าเป็นประจำเดือนละ 1 ครั้ง โดยเน้นที่การล้างทำความสะอาดถังซักเพื่อเอาเศษผ้า เศษด้าย คราบผงซักฟอก คราบน้ำยาปรับผ้านุ่ม และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไป เป็นการป้องกันไม่ให้มีสิ่งสกปรกอุดตัน ช่วยให้เครื่องซักผ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งก็จะไม่เกิดขึ้น
เครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้ง ปัญหานี้ป้องกันได้
ปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ปั่นแห้งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องซักผ้าฝาบนหรือฝาหน้า เมื่อเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่ามันย่อมสร้างความกังวลใจและทำให้เสียเวลามากขึ้น แต่ปัญหานี้สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการรู้จักถนอมเครื่องซักผ้าและการใช้งานเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี เช่น รู้จักแบ่งซัก ไม่ใส่ผ้าเยอะเกินไป ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้พอดีกับปริมาณผ้า และหมั่นล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยยืดอายุเครื่องซักผ้าได้มากขึ้นและป้องกันปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การซักผ้ามีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้นคือการมีเครื่องซักผ้าดี ๆ ไว้ที่บ้าน เช่น เครื่องซักผ้าฝาหน้า Beko AQUAtech ที่มาพร้อมเทคโนโลยีพลังซักกระแสน้ำ ช่วยลดเวลาการซักลงกว่าครึ่ง ซักสะอาดล้ำลึกทุกอณูผ้า ช่วยถนอมผ้า และช่วยประหยัดไฟสูงสุด 47% นอกจากนี้ยังอุ่นใจได้มากขึ้นด้วยการรับประกันมอเตอร์นาน 12 ปี และ On-site Service 2 ปี ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมที่ https://www.beko.com/th-th/aquatech