วิธีล้างเครื่องซักผ้าให้สะอาดเหมือนใหม่ ลดกลิ่นอับทั้งภายในและภายนอก
การล้างเครื่องซักผ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง หากคุณต้องการให้เครื่องซักผ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานให้ยาวนาน ซึ่งวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป ที่คุณเองก็สามารถทำตามได้ เพื่อเสื้อผ้าที่หอมสะอาด ไร้สิ่งสกปรก เราจะช่วยแนะนำแนวทางในการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง พร้อมทำให้ผ้าที่ซักเสร็จหอมฟุ้งอย่างที่คุณต้องการ
ประโยชน์ของการล้างเครื่องซักผ้ามีอะไรบ้าง
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ขนาดเครื่องซักผ้าแบบไหน เมื่อมีการใช้งานไปได้ในระยะหนึ่ง สิ่งสกปรกที่ติดมาตามเสื้อผ้าก็จะค่อย ๆ สะสมตามซอกตามหลืบของถังซัก สิ่งสกปรกเหล่านี้อาจมีทั้งคราบอาหาร เหงื่อไคล ฝุ่นผง หรือเส้นผม ซึ่งหากเราไม่รู้จักวิธีการล้างถังซักผ้าที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เสื้อผ้าที่ซักในรอบต่อ ๆ ไปไม่สะอาด หรือมีกลิ่นเหม็นอับได้
ดังนั้น ประโยชน์ดี ๆ ของการล้างเครื่องซักผ้าจึงมีดังต่อไปนี้
ช่วยทำให้ผ้าสะอาดหมดจด เมื่อไม่มีคราบสกปรกติดอยู่ในถังซัก ผลิตภัณฑ์ซักผ้าจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เสื้อผ้าของเราสะอาดได้มากขึ้นกว่าเดิม
ช่วยกำจัดเชื้อโรค เพราะสิ่งสกปรกเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค การกำจัดสิ่งสกปรกจึงช่วยกำจัดเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา หรือจุลินทรีย์ชนิดอื่น ๆ
ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้า การล้างถังซักผ้าเป็นประจำจะทำให้เครื่องซักผ้ามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินซ่อมเครื่องซักผ้าหรือซื้อใหม่บ่อย ๆ
ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าบ่อยแค่ไหน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการล้างเครื่องซักผ้า ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล หากคุณเป็นคนที่ซักผ้าบ่อยหรือซักผ้าที่ค่อนข้างสกปรกเป็นจำนวนมาก ก็จำเป็นต้องใช้ความถี่ในการล้างเครื่องซักผ้ามากกว่า หรือหากเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าผ้าที่ซักไม่สะอาดเท่าเดิม มีกลิ่นเหม็นอับ หรือมีสิ่งสกปรกติดมากับเสื้อผ้าที่ซักเสร็จ ก็คงจะถึงเวลาต้องล้างถังซักผ้าให้สะอาดสักที
ล้างเครื่องซักผ้าภายนอกต้องทำอย่างไร
การล้างถังซักผ้าสามารถล้างได้ทั้งภายนอกและภายใน โดยจะขออธิบายวิธีการล้างเครื่องซักผ้าด้านนอกก่อน ซึ่งแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ส่วน ดังนี้
ทำความสะอาดซีลขอบฝาเครื่องซักผ้าด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ
การทำความสะอาดซีลขอบฝาเครื่องซักผ้าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยุ่งยาก และสามารถทำได้ทุกครั้งหลังซักผ้าเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังลึกติดเข้าไปในซีลขอบประตู จนกลายเป็นจุดที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้
โดยวิธีทำความสะอาดง่าย ๆ เพียงแค่คุณใช้ผ้าชุบน้ำเปล่า แล้วนำมาเช็ดบริเวณที่มีคราบสกปรก โดยไม่ควรใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน เพราะอาจจะทำให้ซีลยางยังได้รับความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ
ถอดถังเครื่องซักผ้าออกมาทำความสะอาด
กรณีการล้างถังซักผ้าฝาหน้าที่จำเป็นต้องถอดถังเครื่องซักผ้าออกมา จำเป็นจะต้องมีช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยโดยเฉพาะ เพราะมีขั้นตอนและส่วนประกอบจำนวนมาก หากทำเองแล้วไม่ถอดหรือประกอบตามขั้นตอนที่ถูกต้อง อาจจะทำให้เครื่องซักผ้าเสียหาย และไม่สามารถจะแก้ไขได้โดยง่าย
หมั่นทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มเสมอ
ช่องใส่น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้เช่นเดียวกัน และควรเช็ดให้แห้งก่อนใส่กลับเข้าไปในเครื่องเช่นเดิม การล้างเครื่องซักผ้านอกตัวเครื่องด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและทำได้ทันทีเมื่อเห็นว่ามีคราบสกปรกติดอยู่
แกะตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองเครื่องซักผ้าออกมาทำความสะอาดได้
เครื่องซักผ้าแต่ละแบบจะมีตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองอยู่ในบริเวณที่ต่างกัน หากเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณด้านล่างซ้ายมือ สามารถดึงออกมาเพื่อล้างทำความสะอาดได้เลย ส่วนการล้างถังซักผ้าฝาบน ไส้กรองจะอยู่บริเวณจุดกึ่งกลางของถังซัก สามารถเปิดตัวล็อกและเอาออกมาล้างทำความสะอาดได้เช่นกัน
ล้างเครื่องซักผ้าจากภายในด้วยของใช้ใกล้ตัว
วิธีล้างถังซักผ้าด้านในสามารถทำได้หลากหลายวิธี เราจะยกตัวอย่างตั้งแต่วิธีสำเร็จรูปไปจนถึงการประยุกต์ของใกล้ตัวในบ้านเพื่อทำความสะอาดถังซักผ้า ดังต่อไปนี้
ใช้น้ำยาหรือผงล้างเครื่องซักผ้าสำเร็จรูป
การใช้น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าหรือผงล้างเครื่องซักผ้า น่าจะเป็นวิธีที่หลายคนไว้ใจ เนื่องจากเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับการล้างเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะ สามารถใช้กับเครื่องซักผ้าได้ทุกประเภทอย่างปลอดภัย เพียงแค่เทผงลงไปในถังซัก และกดเลือกเมนูทำความสะอาดถังซัก ก็ทำให้เครื่องซักผ้าของเรากลับมาสะอาดได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ใช้ผงซักฟอกล้างเครื่องเปล่า
สำหรับบางคนอาจจะไม่อยากวุ่นวายหาซื้อสิ่งของใด ๆ เพิ่มเติม ก็สามารถใช้ผงซักฟอกเพื่อล้างเครื่องซักผ้าได้เช่นกัน วิธีการก็เหมือนกับการซักผ้าตามปกติแต่ไม่ต้องใส่ผ้าเข้าไป เพียงใช้ผงซักฟอกประมาณ 2 ช้อน และเลือกระดับน้ำแบบเต็มถัง ก็สามารถกำจัดคราบสกปรกในเครื่องซักผ้าบางส่วนได้แล้ว
ใช้น้ำส้มสายชูช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรก
ทุกบ้านน่าจะมีน้ำส้มสายชูติดบ้านอยู่แล้ว และสิ่งนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบนได้เช่นกัน แต่ก็ต้องใช้ให้ถูกวิธีด้วย วิธีการก็คือให้เทน้ำส้มสายชูประมาณ 2 ฝา ลงในถังซัก เลือกระดับน้ำเต็มถัง และกดให้เครื่องทำงานประมาณ 3 นาที จากนั้นให้กดหยุด และแช่ถังซักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เวลาน้ำส้มสายชูในการออกฤทธิ์ชะล้างสิ่งสกปรก เมื่อครบเวลาแล้วให้ปล่อยน้ำทั้งหมดทิ้งไป และล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง เพื่อดับกลิ่นและคราบของน้ำส้มสายชู
ใช้เบกกิ้งโซดาช่วยสลายคราบฝังลึก
เบกกิ้งโซดาก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการล้างเครื่องซักผ้าได้เช่นกัน เพียงแค่เทเบกกิ้งโซดาประมาณ 1-2 ช้อนลงไปในถังซัก เลือกระดับน้ำเต็มถัง และแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน เพื่อให้เวลาเบกกิ้งโซดากำจัดคราบสิ่งสกปรกอย่างเต็มที่ จากนั้นจึงปล่อยน้ำทั้งหมดทิ้ง และล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง
รวมสองพลังจากน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา
ถ้าใครมองว่าความสกปรกในเครื่องซักผ้าหนักหนาเหลือเกิน การใช้ทั้งน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาผสมกัน ก็สามารถที่จะกำจัดคราบได้มากขึ้นไปกว่าเดิม เนื่องจากสารทั้ง 2 ชนิดมีคุณสมบัติในการขจัดคราบฝังลึก และสามารถช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้การล้างถังเครื่องซักผ้าสะอาดมากขึ้นได้
ใช้น้ำยาฟอกขาวและน้ำร้อนละลายคราบสกปรก
การใช้น้ำยาฟอกขาวมาช่วยชะล้างสิ่งสกปรก สามารถทำได้โดยการเทน้ำยาฟอกขาวประมาณ 1 ช้อนลงไปในถังซัก จากนั้นเลือกซักด้วยเมนูน้ำร้อน โดยปล่อยให้น้ำยาฟอกขาวละลายให้ทั่วเครื่องก่อน จากนั้นให้กดหยุดเครื่องและทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาจึงปล่อยน้ำออก และกดล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำเปล่าซ้ำอีกครั้ง
ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อกำจัดสิ่งตกค้างและกลิ่นไม่พึงประสงค์
หากใครต้องการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในการล้างถังซัก สามารถเทน้ำยาฆ่าเชื้อลงไปในถังและกดปุ่มซักในโปรแกรมปกติแบบระดับน้ำเต็มถังได้เลย น้ำยาฆ่าเชื้อจะเข้าไปชะล้างทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของถังซักผ้า และเมื่อซักเสร็จแล้วให้ล้างถังด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง เพื่อชะล้างสิ่งตกค้างที่ยังเหลืออยู่ นอกจากวิธีนี้จะชำระสิ่งสกปรกได้แล้ว ยังช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
ใช้แอมโมเนียตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้เครื่องซักผ้าสะอาด
แอมโมเนียก็เป็นตัวช่วยในการล้างเครื่องซักผ้าได้เช่นเดียวกัน เพียงเทแอมโมเนียลงในถังซัก แล้วกดเมนูทำความสะอาดตามปกติ เมื่อมั่นใจว่าแอมโมเนียละลายเข้ากับน้ำแล้ว ให้กดหยุดเครื่องเพื่อแช่ถังซักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ให้กำจัดน้ำที่แช่ทิ้งไป และล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีแอมโมเนียตกค้าง
ใช้กรดมะนาวกำจัดหินปูนและสิ่งสกปรกให้หลุดล่อน
ส่วนใครที่ต้องการลองใช้กรดมะนาวในการทำความสะอาด กรดมะนาวมีความสามารถในการจัดการกับหินปูนที่มากับน้ำประปาได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ละลายกรดมะนาว 100 กรัมในน้ำร้อน แล้วนำไปเทลงในถังซัก จากนั้นกดซักด้วยโปรแกรมน้ำร้อน ก็จะช่วยทำให้คราบสิ่งสกปรกหลุดออกจากถังซักได้อย่างง่ายดายแล้ว
วิธีล้างถังเครื่องซักผ้าแบบง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่าง
แต่หากใครมองว่าไม่อยากที่จะยุ่งยากไปกับการล้างถังซักผ้าด้วยวิธีข้างต้น เรามีเคล็ดลับการทำความสะอาดแบบรวดเร็ว ที่สามารถทำได้ด้วยโปรแกรม DrumClean+ ฟังก์ชันพิเศษของเครื่องซักผ้า Beko ซึ่งเป็นโหมดทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ สามารถทำความสะอาดถังซักได้อย่างล้ำลึก
โดยการทำงานของโปรแกรม DrumClean+ จะใช้น้ำร้อนอุณหภูมิที่ 70-90 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้มากกว่า โดยไม่ต้องกังวลกับการตกค้างของสารเคมีใด ๆ การล้างเครื่องซักผ้าด้วยวิธีการที่ถูกต้อง จะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรก ช่วยยืดอายุการใช้งาน และยังทำให้ผ้าที่ซักหอมสดชื่นอีกด้วย
ต่อไปนี้การล้างเครื่องซักผ้าจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แม้เราจะมองว่าเครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้เสื้อผ้าของเราสะอาดขึ้น แต่หากเราหลงลืมที่จะ ล้างเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี และทำความสะอาดด้วยความถี่ที่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้เครื่องซักผ้ากลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรคหรือคราบสิ่งสกปรกได้เช่นกัน
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะสะดวกใช้วิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาบนหรือฝาหน้าวิธีใดก็ตาม การปฏิบัติอย่างถูกวิธีและสวมถุงมือป้องกันตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยได้มากขึ้น แต่หากคุณไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสกับสารเคมี การเลือกใช้โหมดทำความสะอาดบนเครื่องซักผ้า ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่คุณสามารถทำได้บ่อย ๆ ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน เพราะเทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ซึ่งจะช่วยทำให้สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ หลุดออกไปได้ และทำให้คุณสามารถที่จะซักผ้าได้สะอาด หอม และไม่มีกลิ่นเหม็นอับมากวนใจอีกต่อไป
เครื่องซักผ้า Beko อุ่นใจกว่ากับการรับประกันมอเตอร์ยาวนาน 12 ปี และ On-site Service 2 ปี รายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมที่ https://www.beko.com/th-th/aquatech