ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
คุณเพิ่งเพิ่มสินค้านี้ในรายการที่คุณต้องการ
คุณเพิ่งลบสินค้านี้ออกจากรายการที่ต้องการ
คุณไม่สามารถเพิ่มไปยังรายการที่ต้องการ
คุณไม่สามารถเพิ่มไปยังรายการที่ต้องการ
คุณแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการล้างการเปรียบเทียบของคุณ
ดำเนินการต่อ
คุณสามารถเปรียบเทียบสินค้าได้จากหมวดหมู่เดียวกันเท่านั้น
คุณเพิ่งเพิ่มรายการเพื่อเปรียบเทียบ ดำเนินการต่อ
คุณเพิ่งลบรายการเพื่อเปรียบเทียบ ดำเนินการต่อ
รายการเปรียบเทียบของคุณเต็มแล้ว
คุณเพิ่มสินค้าแค่ 1 รายการเท่านั้น โปรดเพิ่มสินค้าเพื่อทำการเปรียบเทียบ
วิธีใช้เครื่องอบผ้าที่ถูกต้อง แชร์เคล็ด(ไม่)ลับของการอบผ้าแห้ง
วิธีใช้เครื่องอบผ้าที่ถูกต้อง แชร์เคล็ด(ไม่)ลับของการอบผ้าแห้ง

อ่านแล้ว 1 นาทีที่แล้ว

วิธีใช้เครื่องอบผ้า

วิธีใช้เครื่องอบผ้า สำหรับมือใหม่ที่อยากรู้ว่าเครื่องอบผ้าทํางานยังไง

ในบางวันอาจมีสภาพอากาศแปรปรวน ทั้งแดดออกและฝนตกในคราวเดียวกัน เลยทำให้จะตัดสินใจซักผ้าแต่ละครั้งต้องคิดแล้วคิดอีกว่าวันนี้ฟ้าฝนจะตกหรือเปล่า ผ้าจะแห้งทันไหม เพราะถ้าฝนตกก็จะทำให้ผ้าที่ตากไว้มีกลิ่นอับชื้นเพราะผ้าไม่ทันแห้ง แต่ข้อกังวลนี้จะหมดไป เพราะเทคโนโลยีอย่างเครื่องอบผ้าเป็นทางเลือกที่แก้ปัญหานี้ได้ แล้ววิธีใช้เครื่องอบผ้าเป็นอย่างไร? มือใหม่ต้องรู้!

7 วิธีใช้เครื่องอบผ้า ไม่ต้องง้อแสงแดดอีกต่อไป

 

 

 

ลืมเรื่องการตากผ้าที่ต้องรอแสงแดดให้ผ้าแห้งไปได้เลย เครื่องอบผ้าจะช่วยให้ผ้าแห้งได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายกว่า แถมมาพร้อมกับเทคโนโลยีกำจัดแบคทีเรียและชื้อโรคที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของกลิ่นอับชื้นบนเสื้อผ้า วิธีการใช้เครื่องอบผ้านั้นง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการทำความสะอาดผ้าไปได้มาก โดยวิธีใช้เครื่องอบผ้ามีขั้นตอนที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน ดังนี้

 

 

 

1. ตรวจสอบฉลากบนเสื้อผ้า

 

 

 

วิธีใช้เครื่องอบผ้าในขั้นตอนแรกก่อนอบผ้าทุกครั้ง อย่าลืมเช็กป้ายติดเสื้อกันก่อน โดยตรวจสอบฉลากบนเสื้อผ้าก่อนว่ามีเครื่องหมายห้ามนำเข้าเครื่องอบผ้าไหม เสื้อผ้าบางตัวอาจมีระบุถึงวิธีอบผ้าที่เหมาะกับชนิดผ้า เนื่องจากผ้าบางประเภทที่มีโครงสร้างละเอียดอ่อน อาจไม่ทนต่อความร้อนที่เกิดจากเครื่องอบผ้า ที่มีความร้อนสูงอาจทำให้อบผ้าแล้วผ้าหด เสียรูปทรง หรือเกิดความเสียหายได้ หากทำตามคำแนะนำตามฉลากเสื้อผ้าช่วยยืดอายุการใช้งานและช่วยทำให้ผ้าแห้งเร็วยิ่งขึ้น 


บทความที่คุณอาจสนใจ : ผ้าแบบไหนห้ามอบ?

 

 

 

2. แยกประเภทของเสื้อผ้าที่ต้องการอบ

 

 

 

วิธีใช้เครื่องอบผ้าต้องแยกประเภทของเสื้อผ้าเสียก่อน เพราะเสื้อผ้าบางประเภทไม่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องอบผ้าได้ หรือมีการกำหนดระยะเวลาและความร้อนที่ควรปฏิบัติตามเอาไว้ สำหรับผ้าที่ห้ามใช้เครื่องอบผ้า เช่น ผ้าเรยอน ผ้าสังเคราะห์ และผ้าขนสัตว์ ผ้าเหล่านี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะความร้อนของเครื่องอบผ้าอาจจะทำร้ายเนื้อผ้าได้ หลังจากแยกผ้าได้แล้วให้เลือกโหมดวิธีใช้เครื่องอบผ้าให้เหมาะสมกับเนื้อผ้านั้น ๆ

 

 

 

3. อบผ้าประเภทเดียวกัน

 

 

 

การอบผ้าชนิดเดียวกันพร้อมกันเป็นวิธีใช้เครื่องอบผ้าที่สำคัญในการรักษาคุณภาพของเสื้อผ้า เพื่อให้การอบผ้ามีประสิทธิภาพและป้องกันความเสียหายอันไม่พึงประสงค์ ควรแยกผ้าเนื้อหนา เช่น เสื้อกันหนาว ผ้าเช็ดตัว หรือกางเกงยีนส์ ออกจากผ้าเนื้อบางอย่างเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต หรือชุดชั้นใน เนื่องจากผ้าทั้งสองประเภทจะต้องใช้ความร้อนและเวลาในการอบที่แตกต่างกัน ผ้าเนื้อหนาต้องการเวลามากกว่าในการอบให้แห้งสนิท ขณะที่ผ้าเนื้อบางอาจแห้งเร็วกว่า หากอบผ้าทั้งสองประเภทพร้อมกัน ผ้าเนื้อบางอาจแห้งเกินไปหรือเสียหายจากความร้อนที่มากเกินความจำเป็น ในขณะที่ผ้าเนื้อหนายังไม่แห้งสนิท ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นอับ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อห้ามในการใช้เครื่องอบผ้า

 

 

 

4. ใส่ปริมาณผ้าให้เหมาะสมกับเครื่องอบผ้า

 

 

 

การใส่ผ้าในปริมาณที่เหมาะสมเป็นวิธีใช้เครื่องอบผ้าอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้ผ้าแห้งได้ทั่วถึงและไม่เกิดความเสียหาย ให้ถังอบมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการหมุน ผ้าจะหมุนได้สะดวกไม่ทำให้ผ้าพันกันและทำให้การไหลเวียนของลมภายในเครื่องดีขึ้น ผ้าแห้งสนิทมากขึ้น แต่หากใส่ผ้ามากเกินไปจะทำให้ลมไหลเวียนไม่ดี ส่งผลให้ผ้าไม่แห้งสนิทและอาจเกิดการเสียหาย นอกจากนี้ เครื่องยังทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพและอาจใช้เวลาการอบนานขึ้น

 

 

 

5. เลือกโปรแกรมการอบผ้า

 

 

 

การเลือกโปรแกรมการอบผ้าให้ถูกต้องเป็นวิธีใช้เครื่องอบผ้าสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเครื่องอบผ้าแต่ละรุ่นมีโปรแกรมฟังก์ชันในการอบผ้าที่หลากหลาย เช่น อบแบบใช้ความร้อนสูงสำหรับผ้าฝ้ายหรือผ้าหนา และอบแบบใช้ความร้อนต่ำสำหรับผ้าบางหรือผ้าใยสังเคราะห์ อีกทั้งเครื่องอบผ้าบางรุ่นยังมีระบบการอบแบบอัตโนมัติที่สามารถปรับระดับความร้อนและเวลาตามความชื้นของผ้าได้ ถือเป็นวิธีอบผ้าให้แห้งอย่างสะดวกสบาย

 

 

 

6. เลือกปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับผ้า

 

 

 

การเลือกอุณหภูมิวิธีใช้เครื่องอบผ้าจะช่วยรักษาคุณภาพของเนื้อผ้าต่าง ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการอบ โดยปกติทั่วไปควรตั้งอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 60-70 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการอบผ้า, เสื้อเชิ้ต, เสื้อยืด หรือกางเกงผ้า ทำให้ผ้าแห้งสนิทโดยไม่ทำลายเนื้อผ้า สำหรับวิธีอบผ้านวมจะต้องใช้อุณหภูมิ 82 องศาเซลเซียส ทำให้ผ้านวมแห้งไว ช่วยกำจัดไรฝุ่น เชื้อโรค และแบคทีเรียบางชนิดที่อาจติดอยู่ในเนื้อผ้าได้ ทำให้ผ้าสะอาดและปลอดภัยต่อการใช้งาน

 

 

 

7. ทำความสะอาดตัวถังและแผ่นกรองเป็นประจำ

 

 

 

การทำความสะอาดตัวถังและแผ่นกรองของเครื่องอบผ้าเป็นประจำเป็นส่วนสำคัญของวิธีใช้เครื่องอบผ้าอย่างถูกต้อง เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน การสะสมของฝุ่นผ้าหรือขุยจากผ้าจะทำให้การไหลเวียนของลมภายในเครื่องไม่ดี ส่งผลให้ผ้าไม่แห้งสนิทและอาจเกิดกลิ่นอับกับผ้าที่อบ ดังนั้นควรทำความสะอาดตัวถังและแผ่นกรองหลังการใช้งานทุกครั้ง โดยถอดแผ่นกรองออกมาแล้วปัดฝุ่นหรือขุยให้หมด จากนั้นเช็ดทำความสะอาดตัวถังภายในเครื่องเพื่อป้องกันการตกค้างของสิ่งสกปรก

 

บทความที่คุณอาจสนใจอ่านเพิ่มเติม: เครื่องอบผ้า มีกี่แบบ

ผ้าชนิดใดบ้างที่เข้าเครื่องอบผ้าไม่ได้ ก่อนอบต้องระวัง!

วิธีการอบผ้า
วิธีการอบผ้า

การเลือกชนิดของผ้าที่จะใส่ในเครื่องอบผ้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะผ้าบางชนิดไม่ควรนำมาอบด้วยเครื่องอบผ้า เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ผ้าเกิดความเสียหาย ซึ่งวิธีใช้เครื่องอบผ้าจึงควรคำนึงถึงชนิดของผ้าที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเสียหายและรักษาคุณภาพของผ้าไว้ได้ยาวนาน และนี่คือ 12 ชนิดผ้าที่ไม่ควรใส่เครื่องอบผ้า

 

●   ผ้าคอตตอน ที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติเมื่อเจอกับความร้อนอาจหดตัว วิธีการอบผ้าชนิดนี้คือการตรวจสอบฉลากเสื้อผ้าก่อนใช้เครื่องอบผ้า

●   เสื้อผ้าที่มียางยืด ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องอบผ้า และควรตากให้แห้งด้วยแสงแดดธรรมชาติ

●   เครื่องหนัง ไม่ควรนำเข้าเครื่องอบผ้า เพราะความร้อนอาจทำให้สีซีดและเกิดรอยแตกที่หนัง

●   ผ้าสแปนเด็กซ์ หากใช้เครื่องอบผ้าอาจทำให้เสียรูปทรง

●   ผ้าเรยอน ทำจากเส้นใยธรรมชาติและไม่ทนต่อความร้อน เครื่องอบผ้าอาจทำให้ผ้าหด

●   ผ้าไหม ไม่สามารถทนความร้อนสูงได้ ควรซักมือและตากในที่ร่ม

●   ผ้าลูกไม้ ควรแยกซักและตากให้แห้งในที่ร่มโดยไม่ใช้เครื่องอบผ้า

●   ผ้าขนสัตว์ หากใช้เครื่องอบผ้าอาจทำให้ขนเสียหายและหลุดร่วงได้

●   เสื้อถักไหมพรม การใช้เครื่องอบผ้ากับเสื้อถักไหมพรมอาจทำให้หดและเสียรูปทรง

●   เสื้อผ้าที่มีการตกแต่ง เช่น เสื้อผ้าที่ตกแต่งด้วยลูกปัด อาจได้รับความเสียหายจากความร้อนของเครื่องอบผ้า

●   เสื้อผ้าเลอะคราบน้ำมัน อาจเกิดไฟไหม้หรือคราบน้ำมันติดเครื่องอบผ้า

●   ถุงเท้าหรือพรมยาง ความร้อนจากเครื่องอบผ้าอาจทำให้ยางกันลื่นละลาย

หากใช้เครื่องอบผ้าผิดวิธีอาจเกิดอะไรได้บ้าง? 

 

 

 

วิธีใช้เครื่องอบผ้าแบบไม่ถูกวิธีแน่นอนว่าจะส่งผลให้เสื้อผ้าตัวโปรดของคุณเสียหายได้ เนื่องจากเครื่องอบผ้าใช้ความร้อนสูงในการทำให้ผ้าแห้ง ผ้าอาจหดตัว เสียรูปทรง หรือผ้าไม่แห้งมีกลิ่นเหม็นอับ

 

 

 

ผ้าเหม็นอับชื้น ไม่หอม

 

 

 

ในบางครั้งที่ใส่ผ้าลงในเครื่องอบผ้ามากเกินไป ผ้าหนาผ้าบางปะปนกันจะทำให้ผ้าไม่สามารถหมุนเวียนได้อย่างไม่ทั่วถึง อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น วิธีอบผ้าที่ถูกต้องเพื่อให้ผ้าแห้งควรแยกประเภทเสื้อผ้าก่อนอบ และใส่ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ความร้อนกระจายอย่างทั่วถึงและเครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพ

 

 

 

ผ้าหดตัว ผ้าเสียทรง

 

 

 

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ใช้เครื่องซักอบผ้ามีความกังวลในเรื่องงผ้าจะหดตัวเล็กลงไหม เสียรูปทรงหรือเปล่า บอกได้เลยว่า หากไม่ตรวจสอบประเภทของผ้าก่อนก็มีสิทธิ์ที่เมื่ออบไปแล้วผ้าหดตัวได้ เพราะเสื้อผ้าบางประเภทไม่สามารถอบด้วยความร้อนได้

 

 

 

สีซีด และสีเพี้ยนจากเดิม

 

 

 

หากใช้เครื่องอบผ้าผิดวิธีอย่างการอบผ้าสีเข้มและสีอ่อนรวมกัน เวลาในการอบนานเกินไป หรือความร้อนที่สูงเกินไปจากเครื่องอบผ้าจะทำลายโครงสร้างของสีย้อมจนเสื้อผ้ามีสีเพี้ยนไปจากเดิม และทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้นั่นเอง

วิธีใช้เครื่องอบผ้าต้องทำความเข้าใจให้ดี ไม่งั้นอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้ 

 

 

 

วิธีใช้เครื่องอบผ้าสำคัญที่สุดคือการศึกษาวิธีการใช้งานจากคู่มืออย่างละเอียดตั้งแต่การเลือกโปรแกรม การตั้งค่าอุณหภูมิต่าง ๆ จากนั้นก่อนซักผ้าต้องแยกประเภทเนื้อผ้าให้ดีว่าแบบไหนเข้าเครื่องอบผ้าได้ หรือแบบไหนไม่สามารถเข้าเครื่องอบผ้าได้ตามที่ได้แนะนำกันไปด้านบน หวังว่าเนื้อหาสาระของบทความนี้จะทำให้ทุกคนรู้จักใช้เครื่องอบผ้ายังไงให้ถูกต้องกันมากขึ้น นำทริกดี ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้กันได้เลย!

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องอบผ้า ขอแนะนำเครื่องอบผ้าจาก Beko ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย อย่างเทคโนโลยีระบบ Heat Pump อบผ้าด้วยอุณหภูมิต่ำ ช่วยให้ผ้าแห้งได้ง่าย ๆ พร้อมให้คุณมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าจะไม่มีกลิ่นเหม็นอับ และยังเลือกอุณหภูมิให้เหมาะกับประเภทของผ้าเพื่อทะนุถนอมเนื้อผ้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ เครื่องอบผ้า Beko ยังได้รับมาตรฐานประหยัดพลังงานจากยุโรป EU A+++ ให้คุณมั่นใจได้ทั้งในเรื่องมาตรฐานและการประหยัดไฟ พร้อมการรับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และรับประกันมอเตอร์ 5 ปี

แชร์

Beko