ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
คุณเพิ่งเพิ่มสินค้านี้ในรายการที่คุณต้องการ
คุณเพิ่งลบสินค้านี้ออกจากรายการที่ต้องการ
คุณไม่สามารถเพิ่มไปยังรายการที่ต้องการ
คุณไม่สามารถเพิ่มไปยังรายการที่ต้องการ
คุณแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการล้างการเปรียบเทียบของคุณ
ดำเนินการต่อ
คุณสามารถเปรียบเทียบสินค้าได้จากหมวดหมู่เดียวกันเท่านั้น
คุณเพิ่งเพิ่มรายการเพื่อเปรียบเทียบ ดำเนินการต่อ
คุณเพิ่งลบรายการเพื่อเปรียบเทียบ ดำเนินการต่อ
รายการเปรียบเทียบของคุณเต็มแล้ว
คุณเพิ่มสินค้าแค่ 1 รายการเท่านั้น โปรดเพิ่มสินค้าเพื่อทำการเปรียบเทียบ
10 การดูแลเสื้อผ้าอย่างไร เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
10 การดูแลเสื้อผ้าอย่างไร เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

อ่านแล้ว 1 นาทีที่แล้ว

การดูแลเสื้อผ้า

10 วิธีการดูแลเสื้อผ้า รักษาให้ดูใหม่อยู่เสมอทำอย่างไร?

สำหรับการดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีสามารทำได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพียงแค่ต้องเข้าใจการดูแลรักษาเสื้อผ้าอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าราคาแพงหรือเสื้อผ้าตัวโปรด การดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีจะทำให้เสื้อผ้ายังคงดูใหม่ สภาพดี ที่สำคัญช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น เคล็ด(ไม่)ลับการดูแลเสื้อผ้าจะมีวิธีไหนบ้าง ลองทำตามวิธีเหล่านี้กันเลย!

1. แยกประเภทเสื้อผ้าที่ซัก

 

 

 

ขั้นตอนแรกของการดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี โดยวิธีดูแลเสื้อผ้าการแยกเสื้อผ้าก่อนซักเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยดูแลและรักษาเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพที่ดี โดยการแยกผ้าตามประเภทสี เช่น ผ้าขาว ผ้าสี และผ้าสีเข้ม จะช่วยป้องกันไม่ให้สีตกระหว่างการซัก นอกจากนี้ การแยกผ้าตามประเภทเนื้อผ้า เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ยีนส์ ออกจากกันจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียดสีและแรงหมุนของเครื่องซักผ้าไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าหรือเครื่องซักผ้าฝาบน และสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน เราควรแยกผ้าตามความสกปรกเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกจากผ้าที่เปื้อนไปติดกับเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ

2. อ่านฉลากเสื้อผ้า เพื่อดูแลและยืดอายุการใช้งาน

 

 

 

สิ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามไปทุกครั้งที่ซื้อเสื้อผ้ามาคือ การอ่านฉลากเสื้อผ้าที่ในนั้นจะอธิบายถึงวิธีการดูแล การใช้ความร้อน ไปจนถึงมีสัญลักษณ์ซักผ้าบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าควรซักมือ หรือเข้าเครื่องปั่นผ้าได้ ยิ่งโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าขนสัตว์ ผ้าไหมยิ่งต้องอ่านรายละเอียดการดูแลให้ดีอย่างถูกต้อง เพียงแค่ใส่ใจกับสัญลักษณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็สามารถยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้าของเราได้ไปอีกนาน

 

3. ทำความสะอาดเฉพาะรอยเปื้อนก่อนซัก

 

 

 

วิธีการดูแลเสื้อผ้าหลังจากที่เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนหรือคราบสกปรกต่าง ๆ ไม่ว่ารอยเปื้อนน้ำมัน คราบเลือด หรือคราบอาหาร อย่าเพิ่งนำเสื้อผ้าลงถังซักเลยทันที แต่ควรทำความสะอาดเฉพาะส่วนที่เปื้อนเสียก่อน ซึ่งวิธีขจัดรอยเปื้อนคราบต่าง ๆ นี้ทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับว่าเป็นรอยเปื้อนจากอะไร การขจัดรอยเปื้อนเหล่านี้ออกก่อนจะช่วยลดภาระของเครื่องซักผ้าและป้องกันไม่ให้คราบฝังแน่นลงไปในเนื้อผ้ามากขึ้น การดูแลเสื้อผ้าแบบนี้จะช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดหมดจดไม่มีรอยเปื้อนอีกต่อไป

4. เสื้อผ้าบางประเภท ไม่ต้องซักทุกครั้งที่ใส่

 

 

 

เสื้อผ้าบางชนิดสามารถใส่ซ้ำได้หลายครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องซักทุกครั้งที่ใส่ นับเป็นอีกหนึ่งการดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี อย่างเสื้อสูท กางเกงยีนส์ หรือเสื้อคลุมด้านนอก เนื่องจากเสื้อผ้าเหล่านี้มักผลิตจากวัสดุที่มีความทนทานต่อการสวมใส่และไม่ดูดซับเหงื่อหรือกลิ่นง่าย เช่น กางเกงยีนส์ซึ่งทำจากผ้าฝ้ายที่หนาและเส้นใยทนทาน หรือเสื้อสูทที่ทำจากขนสัตว์และวัสดุสังเคราะห์ที่ไม่อมความชื้นนั่นเอง และการซักบ่อยครั้งที่ใส่อาจทำให้เสียรูปทรงหรือเนื้อผ้าถูกทำลายไม่เหมือนเดิมได้ 

 

ข้อแนะนำ! แล้วจะดูแลเสื้อผ้าที่ไม่ได้ซักนี้อย่างไรได้บ้าง?

 

 

●   นำเสื้อผ้าไปผึ่งในที่ที่มีอากาศถ่ายเท เพื่อระบายกลิ่นและความชื้นที่จะทำให้ผ้าเหม็นอับ

●   รอยเปื้อนเล็ก ๆ แนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนเฉพาะจุดนั้นแทน

●   หลีกเลี่ยงการใส่ซ้ำในวันถัดไป ป้องกันการสะสมของเหงื่อและกลิ่น

5. ตั้งอุณหภูมิเตารีดให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า

ขั้นตอนการดูแลเสื้อผ้า
ขั้นตอนการดูแลเสื้อผ้า

การดูแลเสื้อผ้าอย่าลืมระมัดระวังเรื่องการตั้งอุณหภูมิเตารีด หากไม่อยากเกิดปัญหาผ้ามีรอยไหม้เพราะมาจากการตั้งอุณหภูมิสูงเกินไปกับผ้าที่ไม่ทนต่อความร้อน และถ้าตั้งต่ำเกินไป ผ้าก็อาจจะไม่เรียบได้ ดังนั้น ควรทำความเข้าใจก่อนว่าผ้าชนิดไหนควรตั้งอุณหภูมิเตารีดเท่าใด เช่น

 

●   ผ้าฝ้าย, ผ้าลินิน ตั้งอุณหภูมิเตารีดที่ร้อนปานกลาง - สูง ประมาณ 180°C - 200°C

●   ผ้าไหม ควรรีดด้วยความร้อนต่ำ ประมาณ 130°C - 170°C

●   ผ้าขนสัตว์ (ผ้าสักหลาด) กลับด้านในของเสื้อผ้าและรีดแบบไม่พรมน้ำด้วยอุณหภูมิเตารีดอุ่น ๆ 140°C - 160°C

●   ผ้าคอตตอน ควรรีดด้วยความร้อนปานกลาง - สูง ประมาณ 180°C - 200°C 

 

บทความที่น่าสนใจเพื่อเติม: ผ้าแบบไหนห้ามอบ

6. จัดเก็บตามประเภทของเนื้อผ้า

 

 

 

วิธีการจัดเก็บเสื้อผ้าที่แตกต่างกันตามประเภทของเนื้อผ้าและลักษณะการใช้งานของเสื้อผ้าเป็นขั้นตอนการดูแลเสื้อผ้าอย่างหนึ่ง โดยเริ่มจากแยกเสื้อผ้าตามประเภทเนื้อผ้า เช่น เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าบอบบางหรือยับง่าย อย่างผ้าไหม ผ้าซาติน หรือเสื้อเชิ้ต ควรแขวนไว้บนไม้แขวนเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยยับ หากเป็นกางเกงยีนส์ก็ไม่ควรจะแบ่งพับเป็นหลายท่อน เพราะเมื่อพับทบ ๆ กันจะทำให้เกิดรอยพับชัดเจนเมื่อนำมาสวมใส่

 

นอกจากนี้ การดูแลเสื้อผ้าโดยการเก็บเสื้อผ้าในที่ที่ไม่มีความชื้นหรือใช้ถุงสุญญากาศสำหรับเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้บ่อยยังเป็นวิธีป้องกันการเสียหายจากฝุ่นหรือแมลงต่าง ๆ การจัดเก็บเสื้อผ้าอย่างระมัดระวังและถูกวิธีจะช่วยให้เสื้อผ้ายังคงดูใหม่และสามารถใช้งานได้ยาวนาน

7. ดูแลตู้เสื้อผ้าให้ไร้กลิ่นเหม็นอับ

 

 

 

การดูแลตู้เสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอมและปลอดจากกลิ่นอับเป็นการดูแลเสื้อผ้าอีกหนึ่ง เพราะถ้าหากตู้เสื้อผ้าเกิดมีความชื้นหรือมีกลิ่นเหม็นอับ เสื้อผ้าที่ถูกเก็บอยู่ภายในตู้เสื้อผ้าจะดูดซับกลิ่นเหล่านั้น ทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์แม้ว่าจะเพิ่งซักเสื้อผ้ามาก่อนแล้วก็ตาม การดูแลตู้เสื้อผ้าให้ปลอดกลิ่นอับสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ถุงหอม น้ำมันหอมระเหย หรือผลิตภัณฑ์ดูดกลิ่น รวมถึงการระบายอากาศในตู้เสื้อผ้าอย่างสม่ำเสมอ ประโยชน์ของการดูแลเสื้อผ้าด้วยการดูแลตู้เสื้อผ้าให้ไร้กลิ่นเหม็นอับจะช่วยรักษาความหอมและสดชื่นของเสื้อผ้า อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำลายเนื้อผ้าและสีสันของเสื้อผ้า

 

8. ปริมาณเสื้อผ้าที่ซักต้องไม่เยอะจนเกินไป

 

 

 

ห้ามใส่ปริมาณเสื้อผ้าที่ซักเยอะจนเกินไปเป็นอีกหนึ่งวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้า เนื่องจากการซักผ้าทีละครั้งเป็นจำนวนมาก ทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้เสื้อผ้าไม่สามารถซักได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างเสื้อผ้ามากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เสื้อผ้าเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้น เช่น ผ้าอาจเป็นขุย เส้นใยแตก หรือสีซีดจาง อีกทั้งจำนวนเสื้อผ้าที่ซักเยอะจนเกินไปยังลดประสิทธิภาพของเครื่องซักผ้าในการล้างน้ำ น้ำยาซักผ้า และการอบผ้า ทำให้ผ้าสะอาดไม่เต็มที่ ดังนั้นควรใส่เสื้อผ้าในปริมาณที่พอดีตามคำแนะนำของเครื่องซักผ้าจึงช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดและช่วยในการดูแลเสื้อผ้าให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น


อ่านกันต่อ: เครื่องซักผ้าและอบผ้าในตัว ดีไหม

 

9. เมื่อซักเสื้อผ้าเสร็จ ควรตากผ้าทันที

 

 

 

หลังจากซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ควรนำผ้าไปตากหรืออบในเครื่องอบผ้าทันที เพราะหากปล่อยผ้าไว้นานเกินไปในเครื่องซักผ้า จะเกิดความชื้นสะสมอยู่ในเสื้อผ้า อาจทำให้เกิดกลิ่นอับและการสะสมของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ ความชื้นยังสามารถทำลายเนื้อผ้าได้ในระยะยาว ทำให้เสื้อผ้าเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร การตากผ้าหรืออบผ้าในทันทีหลังจากซักเสร็จจะช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว ไม่เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และยังช่วยรักษาคุณภาพของเสื้อผ้าให้คงทน นอกจากนี้ยังเป็นการดูแลเสื้อผ้าไม่ให้เกิดรอยยับ ช่วยให้การรีดผ้าได้ง่ายขึ้น

10. ล้างเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ ลดการสะสมเชื้อโรค

วิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้า
วิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้า

สุดท้ายของวิธีดูแลรักษาเสื้อผ้า คือการล้างเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการซักผ้าแต่ละครั้งเครื่องซักผ้าจะมีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เช่น คราบผงซักฟอก คราบน้ำยาปรับผ้านุ่ม และเชื้อแบคทีเรียในเครื่องซักผ้า ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจติดกลับไปยังเสื้อผ้าระหว่างการซัก ทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาดเท่าที่ควร และอาจมีกลิ่นอับชื่น 

 

นอกจากนี้ การสะสมของสิ่งตกค้างในเครื่องซักผ้าอาจทำให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และทำลายสีสันของเสื้อผ้า หากต้องการดูแลเสื้อผ้าควรล้างเครื่องซักผ้าเป็นประจำจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง และรักษาความสะอาดของเครื่อง ทำให้เสื้อผ้าที่ซักสะอาดหมดจด มีกลิ่นหอมและยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าและเครื่องซักผ้า

การดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี ดูแลเสื้อผ้าให้ดี ใส่ได้นาน ๆ

 

 

 

หลายคนอาจคิดว่าการดูแลเสื้อผ้าให้ดูใหม่เอี่ยมอยู่เสมอเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่จริง ๆ แล้ว การดูแลรักษาผ้าให้ถูกวิธีนั้นง่ายกว่าที่คิด เพียงแค่คุณทำความเข้าใจถึงวิธีการดูแลที่ถูกต้องตามวิธีที่เราแนะนำกันไปด้านบน เท่านี้เสื้อผ้าตัวโปรดของคุณก็จะอยู่กับคุณไปได้นาน และประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะอีกด้วย การเลือกใช้เครื่องซักผ้าที่เหมาะสมและปฏิบัติตามวิธีการซักที่ถูกต้องจะช่วยรักษาสีสันและความสดใหม่ของเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพดีตลอดเวลา อีกทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายต่อเสื้อผ้าในระยะยาว

 

หากคุณกำลังมองหาเครื่องซักผ้าที่ช่วยให้การดูแลเสื้อผ้าของคุณง่ายขึ้น เครื่องซักผ้า Beko มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซักเสื้อผ้าของคุณได้อย่างอ่อนโยนและขจัดคราบได้ทรงประสิทธิภาพในคราวเดียวกัน มาพร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมซักผ้าให้เหมาะกับประเภทของผ้าเพื่อถนอมผ้า หรือโปรแกรมการซักลดสารก่อภูมิแพ้มีครบจบในเครื่องเดียว

แชร์

Beko