Beko แชร์เทคนิคผ้าสะอาดปลอดฝุ่น ปลอดโรค ฝ่าภัยสุขภาพในวันที่อากาศแปรปรวน
สังเกตไหมว่าช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ คนรอบตัวทยอยป่วยกันเยอะมาก เพราะสภาพอากาศและความชื้นจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งเสริมให้ละอองฝอยเชื้อโรคสามารถอยู่ในอากาศได้นานขึ้น จึงเพิ่มโอกาสการสัมผัสเชื้อและเกิดการแพร่ระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ปิด เช่น บนระบบขนส่งสาธารณะหรือในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เห็นได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ที่ปีนี้มีจำนวนสูงขึ้นถึง 3 เท่า[1] รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่เคยหายไปไหน อีกทั้งหลายคนยังเผชิญกับอาการภูมิแพ้กำเริบจากฝุ่นพิษ PM2.5 ที่กลับมาตามนัดทุกสิ้นปี
นอกจากการดูแลตัวเองด้วยการสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแล้ว สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือการพาเชื้อโรคและฝุ่นละอองเข้าบ้านผ่านเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว ยิ่งหากปล่อยเสื้อผ้าที่สัมผัสฝุ่นและสิ่งสกปรกทิ้งไว้นานเท่าไร โอกาสการแพร่กระจายเชื้อโรคภายในบ้านก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น[2] Beko (เบโค) จึงมีตัวช่วยป้องกันภัยร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าพร้อมลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วย ด้วยนวัตกรรมการดูแลผ้าเพื่อสุขอนามัยที่ดีกว่า
ผ้าสะอาดปลอดเชื้อ ห่างไกลโรค
ปล่อยให้การขจัดเชื้อโรคและฝุ่นจิ๋วตัวร้ายเป็นหน้าที่ของเครื่องซักผ้า Beko ที่มาพร้อมโปรแกรมการซักพิเศษ SteamCure™ Hygiene+ สามารถทำความสะอาดผ้าได้อย่างล้ำลึกแม้แต่สิ่งสกปรกและไวรัสที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยการใช้เทคโนโลยีเปิดขยายเส้นใยผ้าด้วยพลังไอน้ำ พร้อมทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60-90 องศา โดยผ่านการรับรองจากสถาบันโรคภูมิแพ้แห่งประเทศอังกฤษ (Allergy UK) ว่าสามารถช่วยขจัดคราบของสารก่อภูมิแพ้ที่ตกค้างบนผ้า เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ และฝุ่นควันจากการเผาไหม้ ได้มากถึง 99.9%
นอกจากนี้ SteamCure™ Hygiene+ ยังผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบนผ้าได้กว่า 99.9% ซึ่งรวมถึงไวรัสไข้หวัดใหญ่และไวรัสก่อโรคโควิด-19[3] โดยสถาบันวิจัยชั้นนำ Airmid Healthgroup ประเทศไอร์แลนด์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อโรคที่ตกค้างบนผ้า การันตีความอุ่นใจ มอบสุขอนามัยที่ดีกว่าเพื่อทุกคนในบ้าน
บอกลาฝุ่นปนเปื้อนด้วยเครื่องอบผ้า
นอกจากเครื่องซักผ้าแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องอบผ้าเป็นอีกหนึ่งพระเอกคนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการปนเปื้อนเชื้อโรคและมลพิษจากการตากผ้ากลางแจ้ง โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศปกคลุมด้วยฝุ่น PM2.5 และเพื่อให้มั่นใจว่าชุดที่สวมใส่จะปราศจากเชื้อโรคและกลิ่นอับ Beko จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีการอบผ้าที่ใช้ระบบไอน้ำร้อนทรงพลังกระจายตัวอย่างทั่วถึงระหว่างการอบ จึงสามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรียที่ตกค้างบนผ้าได้สูงสุดถึง 99.9%[4] ช่วยเพิ่มความมั่นใจอีกขั้นหลังการซัก
คุณภาพชีวิตดี เพียงแค่มีตัวช่วยดูแลผ้า
ไม่เพียงแค่เรื่องความสะอาดเท่านั้น เพราะ Beko ยังโดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดูแลผ้าของคนรุ่นใหม่ ช่วยลดระยะเวลาในการซักพร้อมถนอมเนื้อผ้ามากกว่าถึง 50% ด้วยเทคโนโลยีพลังซักกระแสน้ำที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทดแทนการปั่นหรือการหมุนที่รุนแรงของถังซัก มอบความสะอาดที่รวดเร็วและอ่อนโยนกว่าโดยไม่ทำร้ายเนื้อผ้า พร้อมยังช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึงกว่า 47%
เช่นเดียวกันกับเครื่องอบผ้า Beko ที่พร้อมเป็นผู้ช่วยมือโปรให้ชีวิตง่ายขึ้นทั้งในด้านการถนอมเนื้อผ้าและประหยัดพลังงาน นำโดยนวัตกรรมการใช้ไอน้ำอุณหภูมิต่ำแทนการส่งความร้อนโดยตรงไปยังเนื้อผ้า จึงไม่ทำให้ผ้าหดตัวหรือเสียทรง ช่วยรักษาสีสันและยืดอายุการใช้งานให้ชุดโปรด และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 72%[5] ด้วยระบบรีไซเคิลลมร้อน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟแพงอีกต่อไป ให้ผ้าเรียบสะอาดพร้อมใส่ ปราศจากกลิ่นอับในขั้นตอนเดียว
ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวน การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ อย่างการใส่ใจถึงความสะอาดของผ้าและเครื่องนุ่มห่มก็สามารถลดความเสี่ยงจากผลกระทบทางสุขภาพที่ตามมาได้ ตอกย้ำแนวคิด Positive Domino Effect ของ Beko ที่เชื่อมั่นว่าทุกการกระทำแม้เพียงเล็กน้อยสามารถนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้
ผู้ที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าจาก Beko ได้ทาง https://www.beko.com/th-th/aquatech และ https://www.beko.com/th-th/tumbledryer
Beko เพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันสินค้า และศูนย์บริการทั่วไทยที่ครอบคลุมทั้งการรับประกันมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์สูงสุด 12 ปี และบริการ On-site Service ถึง 2 ปี โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนรับประกันสินค้าได้ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://e-warranty.beko.com/
[1] สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
[2] Accumulation and Diffusion of PM from Outdoor to Indoor by Clothing under Haze Conditions: A Case Study of Zhengzhou, China
[3] ผลการทดสอบหลังซักด้วยโปรแกรม SteamCure™ Hygiene+ เป็นเวลา 3 ชั่วโมง 47 นาที
[4] ผ่านการรับรองประสิทธิภาพโดยสถาบันโรคภูมิแพ้แห่งประเทศอังกฤษ (Allergy UK)
[5] ใช้พลังงานน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องอบผ้าระบบคอนเดนเซอร์รุ่นมาตรฐานที่มีการใช้พลังงานในระดับ B