วิธีล้างแอร์ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ทำได้ด้วยตัวเอง มีกี่ขั้นตอน?

การไม่ทำความสะอาดแอร์เป็นประจำนั้นอาจส่งผลเสียมากกว่าที่คุณคิด ทั้งในด้านสุขภาพและอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ ฝุ่นละออง เชื้อรา และแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในตัวเครื่องถูกปล่อยมาปะปนกับอากาศที่เราหายใจเข้าไปจนเกิดปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้นควรรู้จักวิธีล้างแอร์และล้างอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อากาศในห้องเย็นสบายและยืดอายุการใช้งานไปได้อีกนาน

สารบัญบทความ

●   เราควรล้างแอร์เมื่อไหร่ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

●   สิ่งที่ควรทำก่อนล้างแอร์ และต้องเตรียมอะไรบ้าง?

●   วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองมีขั้นตอนอย่างไร?
  

●   วิธีล้างแอร์ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่าง ช่วยให้แอร์กลับมาเย็นฉ่ำ

เราควรล้างแอร์เมื่อไหร่ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

วิธีล้างแอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แอร์กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น แต่หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่ควรล้างแอร์เพื่อให้เครื่องทำงานได้ดีที่สุด ตอบได้เลยว่า การล้างแอร์บ้านควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ เช่น การสะสมของฝุ่นละอองและเชื้อโรค ที่เป็นสาเหตุทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นจนเกิดอาการแอร์ไม่เย็นเท่าที่ควร หากละเลยการล้างแอร์บ้านเป็นเวลานาน อาจทำให้เครื่องพังเสียหายได้ในที่สุด โดยสาเหตุที่เราควรล้างแอร์ มีดังนี้

มีฝุ่นและเชื้อโรคสะสม 

การใช้งานแอร์อย่างต่อเนื่องทำให้ฝุ่นละอองและเชื้อโรคสะสมภายในเครื่อง เมื่อเปิดใช้งาน แอร์จะพัดพาฝุ่นและเชื้อโรคเหล่านี้กระจายไปทั่วห้อง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในห้อง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการภูมิแพ้หรือป่วยง่าย วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการล้างแอร์เป็นประจำ วิธีล้างแอร์ช่วยขจัดฝุ่นและเชื้อโรคที่สะสมอยู่ได้เป็นอย่างดี

คุณสามารถล้างแอร์ด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย โดยวิธีการล้างแอร์ด้วยตัวเองเริ่มจากการใช้แปรงปัดฝุ่นทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของแอร์ และถอดแผงกรองอากาศออกมาล้างให้สะอาด ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยกำจัดฝุ่นและเชื้อโรคได้หมดจด อีกทั้งยังช่วยให้แอร์ทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาสุขภาพ และทำให้ห้องมีอากาศสดชื่นมากขึ้น

แอร์กินค่าไฟมากกว่าปกติ

การใช้งานแอร์มาเป็นระยะเวลานาน แน่นอนว่าย่อมมีการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกอยู่ในแผ่นกรองอากาศและภายในเครื่องแอร์ จนแผ่นกรองอากาศเกิดการอุดตัน ส่งผลทำให้แผงคอยล์ทำความเย็นต้องทำงานหนักขึ้นและใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าเคยเพื่อให้ผลิตความเย็นได้เพียงพอ 

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ในแต่ละเดือนสังเกตได้ว่าค่าไฟฟ้าสูงขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลง ไม่เย็นเหมือนเดิม ดังนั้น วิธีล้างแอร์และการล้างคอยล์เย็นเป็นขั้นตอนที่สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าโดยทำให้แอร์กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่ ช่วยป้องกันปัญหาการเสียหายก่อนเวลาอันควร และช่วยรักษาความสะอาดของอากาศภายในบ้านได้

มีน้ำหยดออกมาจากแอร์

ปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะเกิดขึ้นถ้าหากไม่ได้ล้างแอร์เป็นเวลานานคือ น้ำแอร์หยดหรือมีน้ำหยดออกมาจากตัวเครื่องแอร์ นับเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาที่ควรล้างแอร์ได้แล้ว เนื่องจากการที่น้ำแอร์หยดเกิดจากการอุดตันของท่อน้ำทิ้ง หรือความชื้นที่เกาะอยู่บนแผงคอยล์เย็นที่สะสมฝุ่นละอองเป็นเวลานาน ฝุ่นเหล่านี้ปิดกั้นการไหลของน้ำที่ควรจะระบายออกทางท่อน้ำทิ้ง ทำให้เกิดน้ำหยดจากตัวเครื่องลงมาในห้อง

นอกจากนี้ ความชื้นที่สะสมยังส่งผลให้คอยล์เย็นไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้น ดังนั้น วิธีล้างแอร์ช่วยทำความสะอาดแผงคอยล์และท่อน้ำทิ้ง ทำให้น้ำไหลได้ตามปกติ ป้องกันปัญหาน้ำหยดออกจากเครื่องได้นั่นเอง

สิ่งที่ควรทำก่อนล้างแอร์ และต้องเตรียมอะไรบ้าง?

เราสามารถล้างแอร์เองได้ไหม? คำตอบคือสามารถทำได้ เพราะวิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองเป็นวิธีที่ไม่ได้ซับซ้อนและสามารถทำได้ง่าย หากทราบวิธีล้างแอร์ในแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้อง และควรรู้ว่าก่อนจะเริ่มล้างแอร์ต้องเตรียมพื้นที่และเตรียมอุปกรณ์ในการใช้ล้างแอร์อะไรบ้าง เพื่อตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้และคำนึงถึงความปลอดภัยในการทำความสะอาด โดยเริ่มจาก

●   การเตรียมพื้นที่ ล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองควรเริ่มจากการหาผ้าปูหรือพลาสติกมาคลุมเฟอร์นิเจอร์และพื้นบริเวณใกล้กับแอร์ เพื่อป้องกันน้ำและสิ่งสกปรกที่อาจกระเด็นไปโดนสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ

●   เตรียมอุปกรณ์ใช้สำหรับล้างแอร์ ได้แก่ แปรงขัดหรือแปรงสีฟัน สเปรย์โฟมทำความสะอาดคอยล์เย็น กระบอกฉีดน้ำ ไขควง และเครื่องเป่าลมไฟฟ้า (หากมี)

วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองมีขั้นตอนอย่างไร?

ล้างแอร์เองสามารถทำได้ง่าย ๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากประหยัด ไม่อยากเสียเงินจ้างช่างมาล้างแอร์บ้าน สำหรับวิธีการล้างแอร์ด้วยตัวเองมีกี่ขั้นตอน มาทำความเข้าใจแต่ละข้อไปพร้อม ๆ กัน

1. ตัดไฟที่เบรกเกอร์ก่อนล้างแอร์

ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเริ่มล้างแอร์เราต้องตัดไฟที่เบรกเกอร์ก่อนทำความสะอาด เพื่อความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้า และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขณะทำความสะอาดล้างแอร์ ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบอีกครั้งว่าไฟดับสนิทแล้ว โดยการทดสอบเปิดสวิตช์ไฟในห้องที่ติดตั้งแอร์ จากนั้นค่อย ๆ ถอดฝาครอบด้านหน้าแอร์แล้วถอดแผ่นกรองแอร์ออก 

2. ทำความสะอาดแผ่นกรอง หรือแอร์ฟิลเตอร์

วิธีล้างแอร์ขั้นตอนต่อมาคือ เมื่อนำแผ่นกรองแอร์ออกมาแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำเปล่าหรือจะใช้เป็นน้ำยาล้างจานก็ได้เช่นกัน แนะนำให้ค่อย ๆ ล้างเบา ๆ และเมื่อการทำความสะอาดให้ครบทุกซอกทุกมุม สามารถใช้แปรงสีฟันขัดอย่างเบามือ แล้วนำไปผึ่งไว้ให้แผ่นกรองแห้ง

3. ทำความสะอาดแผงคอยล์เย็น

เมื่อทำความสะอาดแผ่นกรองเสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดแผงคอยล์เย็น หากแผงคอยล์ไม่ได้สกปรกมากนัก หรือไม่ค่อยมีคราบฝุ่นให้ใช้เพียงน้ำเปล่าถือว่าเพียงพอ แต่หากที่แผงคอยล์เย็นมีคราบฝุ่นมาก แนะนำให้ล้างด้วยโฟม หรือสเปรย์ล้างแอร์ทิ้งเอาไว้ 10-20 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้ล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อให้ทำความสะอาดได้อย่างหมดจด แล ใช้ผ้าสะอาดเช็ดแผงคอยล์เย็นให้แห้งสนิท

4. ทำความสะอาดพัดลมแอร์

หลาย ๆ คนมักจะมองข้ามการทำความสะอาดพัดลมแอร์ไป เพราะคิดว่าล้างเพียงแค่คอยล์นั้นเพียงพอแล้ว แต่รู้หรือไม่ คราบฝุ่น คราบสกปรกยังคงฝังอยู่ที่บริเวณพัดลมแอร์ด้วยเช่นกัน รวมถึงคุณสามารถทำความสะอาดบริเวณข้างใต้คอยล์ที่เป็นบริเวณที่คุณจะล้างไม่ถึงหากไม่ถอดพัดลมแอร์ออกมา เมื่อล้างเสร็จแล้ว อย่าลืมเช็ดพัดลมแอร์และบริเวณข้างใต้คอยล์ให้แห้งสนิท

5. ตรวจเช็กคราบฝุ่นอีกครั้งและประกอบชิ้นส่วนเข้าที่เดิม

ส่วนของวิธีล้างแอร์ในขั้นตอนการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายตรวจสอบให้แน่ใจว่าคราบฝุ่น สิ่งสกปรกต่าง ๆ สะอาดหมดจดแล้ว จากนั้นประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ กลับเข้าที่เดิม และทดลองเปิดแอร์ เพื่อทดสอบแผงควบคุม และการทำงานของแอร์ว่าปกติดีหรือไม่

วิธีล้างแอร์ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่าง ช่วยให้แอร์กลับมาเย็นฉ่ำ

สิ่งสกปรก ฝุ่นละอองที่สะสมภายในแอร์ ไม่ใช่แค่เพียงทำให้แอร์ไม่เย็นเท่านั้น แต่ยังส่งผลปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น อาการแพ้ หอบหืด หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ยิ่งถ้าหากใครที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจอยู่แล้ว อาจทำให้อาการกำเริบได้ นอกจากนี้ สิ่งสกปรกเหล่านี้ยังไปอุดตันแผงคอยล์เย็น ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น สิ้นเปลืองพลังงาน และอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้ในที่สุด หากต้องการให้อากาศภายในห้องเย็นสบายควรหมั่นทำความสะอาดแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 

สำหรับใครที่กำลังมองหาแอร์ตัวใหม่ อยากเปลี่ยนแอร์ไปใช้รุ่นที่มีเทคโนโลยีทันสมัย แอร์ Beko คือคำตอบสำหรับคุณ ด้วยนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศมาตรฐานยุโรป มาพร้อมเทคโนโลยี IonPro ที่จะปล่อยประจุ - และ + กระจายเข้าไปจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยให้อากาศเย็นสะอาดประหยัดพลังงาน มีการรับประกันคอมเพรสเซอร์ Inverter นานถึง 10 ปี และ Non-Inverter 5 ปี พร้อมบริการ On-Site Service 2 ปี มั่นใจได้ในคุณภาพและความคุ้มค่ากว่าที่เคย

รายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม: https://www.beko.com/th-th/aircon